U’23 World Championship
2015
POOL - B
China vs. Thailand
การแข่งขันวอลเล่ย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก
2015 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ณ เมืองอังการา ประเทศตุรกี มีทีมที่ผ่านการคัดเลือกเข้าแข่งขันทั้งสิ้น
12 ทีม โดยสัปดาห์แรกจะเป็นการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม จำนวน 2 กลุ่ม แข่งแบบพบกันหมดในกลุ่มเพื่อเก็บคะแนนจัดอันดับ
สำหรับทีมที่มีคะแนนสูงสุดอันดับที่ 1-2 ของทั้งสองกลุ่มจะได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย
(Final) ส่วนทีมที่ได้คะแนนรองลงมาอันดับ
3 และ 4 จะเข้าไปแข่งเพื่อชิงอันดับ 5 - 8 และส่วนทีมที่เหลือ คือ อันดับ
5 และ 6 ของกลุ่ม จะถูกจัดอันดับ 9 - 12
นัดแรกของการแข่งขันใน กลุ่ม
B เป็นการพบกันระหว่าง “จีน”
อันดับโลก U23 คือ อันดับ 1 (ดีกรีแชมป์เก่า) กับ “ไทยแลนด์” อันดับโลก U23 คือ อันดับ 18
โดยภาพรวมแล้วทีมไทยเล่นได้ดี
เป็น Match ที่สนุกมาก
แม้ว่าทีมไทยจะแพ้ไป 1-3 เซต แต่ถ้าสามารถแก้ไขจุดบกพร่องในเกมส์รับ และการต่อบอลให้ดีขึ้น
โอกาสชนะใน Matches ต่อ ๆ ไป ก็ยังมีสูง ส่วนฟอร์มการเล่นที่ดีก็ต้องรักษามาตรฐานไว้
ไม่ใช่แค่คงที่ แต่ต้องดีขึ้น ๆ ไป เพราะการเล่นกับทีมระดับโลก
จะมาเหยาะแหยะไม่ได้ ดังจะเห็นทีมระดับโลกหลายทีมที่เล่นได้อย่างคงเส้นคงวา พัฒนาการของทีมไทยที่เห็นได้ชัดเจน คือ ตัวตีบอลเร็ว 2 คน คือ จรัสพร และหัทยา จังหวะบอลเร็ว ทำได้ดีขึ้น และคมขึ้น ถือว่า น้อง ๆ มีพัฒนาการที่ดี แต่ที่มากไปกว่านั้น คือ มีน้อง ๆ U18 ที่น่าจะติดทีมชาติชุดใหญ่มาก มีด้วยกัน 3 คน คือ วิภาวี ศรีทอง (เบอร์ 3) ขนิษฐา จวงจันทร์ (เบอร์ 14) และชุติมณฑ์ สากร (เบอร์ 9) ความโดดเด่นของวิภาวี และขนิษฐา คือ ตีผ่านบล็อคสูงใหญ่ได้ดีมาก ๆ ส่วนชุติมนฑ์ นั้น ตีบอลแก้ไขได้ดียอดเยี่ยม ถือว่า เก่งเกินอายุ สามารถเทียบเคียงรุ่นใหญ่ได้ ฝากร้องขอโค๊ชยะ ไว้พิจารณาด้วย อนาคตทีมชาติไทย แข็งแกร่งไม่แพ้ชาติใดในโลก...
ต้องชื่นชมทีมจีนที่เล่นได้ดีกว่าในแต้มสำคัญ
โดยเฉพาะช่วงปลายเซต อีกทั้งทีมจีนยังแข็งแกร่งกว่าในหลายด้าน เช่น
· เกมส์รุก ทีมจีนทำได้ดีกว่า หนักหน่วง รวดเร็ว เฉียบคม
และแม่นยำกว่าทีมไทยอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการตีหัวเสา สามเมตร หรือบอลเร็ว และโดยเฉพาะบอลไหลหลัง
ขนาดดูภาพช้าแล้วยังเร็วมาก สมราคาต้นตำรับบอลเร็ว และบอลไหลหลัง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะบล็อคของไทยยังไม่ดีด้วย
ส่งผลทำให้เกมส์รุกของจีนทำได้ง่ายกว่า เป็นคะแนนได้มากกว่า
· การบล็อค จีนมีประสิทธิภาพมาก
แต่ทีมไทยบล็อคไม่ดี (ด้วยเสียเปรียบในด้านรูปร่าง) และทีมไทยเป็นรองเรื่องความคล่องตัว
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของนักกีฬา
· เกมส์รับ และการต่อบอลเพื่อทำแต้ม จีนทำได้เกือบ 100% ส่วนทีมไทยทำได้แค่ 45% โดยเกมส์รับของจีนเหนียวมาก
แถมยังต่อบอลได้แม่นกว่าทีมไทย ส่วนจังหวะแก้ไขของตัวตี
จีนทำได้ดีพอ ๆ กับไทย เกมส์รับของไทยเสียง่ายโดยเฉพาะบอลหยอด
เกือบ 100% ที่ทีมไทยไม่สามารถรับลูกหยอดได้เลย
ซึ่งผิดกับจีน จีนสามารถรองบอลได้มากกว่า 50% ตัวลิเบอร์โร่ของจีนโดดเด่นมาก
ส่วนของไทยหลายลูกน่าผิดหวัง น่าจะทำได้ดีกว่านี้ การเล่นเป็นทีม ถือว่าทำได้ดีพอ
ๆ กัน แต่จีนจะดูสมูธกว่าในภาพรวม
· ไหวพริบของผู้เล่น โดยเฉพาะตัวเซต และตัวตีทำแต้ม
ถือว่าสูสีกันทั้งสองทีม แต่ต้องให้เครดิตทีมไทยมากกว่าเล็กน้อย เนื่องจากมีส่วนสูงน้อยกว่าจีน
แต่สามารถสู้กันได้อย่างสูสี จึงถือว่าทีมไทยทำได้ดีกว่าในจุดนี้ ต้องชมโค๊ชยะ
และทีมงานด้วย ที่กล้าเปลี่ยนตัวผู้เล่น แล้วทำให้เกมส์เปลี่ยน พลิกจากสถานการณ์เป็นรอง กลับมาได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด จนเกือบชนะได้ (เพราะก่อนหน้านี้
ทีมไทยเป็นทีมที่แปลกแยกจากทีมอื่น ๆ ในโลกนี้ เพราะไม่กล้าเปลี่ยนตัวผู้เล่นเลย
ในขณะที่ทีมอื่น ๆ เปลี่ยนตัวกันอย่างสนุกสนาน ทำให้ความสดของนักกีฬามีมากกว่าทีมไทย
ที่เล่นตั้งแต่ลูกแรกยันลูกสุดท้าย อีกทั้งการได้ออกไปยืนดูข้างสนาม
นอกจากจะได้พักร่างกายแล้ว
ยังสามารถเห็นฟอร์มการเล่นของทีมได้ดีกว่าอยู่ในสนามด้วย มีเวลาคิดแก้ไขรูปแบบการเล่น
ปรับปรุงการเล่นได้ดีขึ้น)
นัดที่สอง ไทยจะเจอกับ "เปรู" โดยในนัดแรก เปรู แพ้ โดมินิกัน 1-3 เซต ซึ่งทีมไทยน่าจะเอาชนะได้ไม่ยาก (น่าจะชนะที่สกอร์ 3-0 หรือ 3-1 เซต เพื่อเก็บ 3 คะแนนเต็ม) ทีมไทยยังมีเวลาปรับปรุงข้อด้อยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ง่ายขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย
(แม้ว่ามันจะยาก – แต่ถ้าเล่นได้ฟอร์มพีค ๆ ก็ไม่แน่ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้) ดูจากฟอร์มการเล่นในนัดแรกแล้ว ทีมไทยไม่น่าจะต่ำกว่าอันดับ 4 ของกลุ่มอย่างแน่นอน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
กีฬาสร้างความแข่งแกร่ง และรอยยิ้ม รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย คือ น้ำใจนักกีฬา